หากเราเป็นคนที่เข้านอนดึกมาทั้งชีวิต อย่างเข้านอนตอนตี 2 ตื่น 10 โมงเช้า เพราะอาจจะทำอะไรดึก ๆ จนเคยชิน ไม่นานเราอาจจะป่วยเรื้อรังตามมาได้ อีกอย่างความเคยชินนี้ไม่สามารถไปหาหมอเพื่อรักษาได้ ดังนั้น เราจะต้องเรียนรู้ทักษะในการเข้านอนในเวลาที่เหมาะสมและลองตื่นเช้าดู หรือลองทำตามวิธีด้านล่างนี้
ตื่นนอนเวลาเดิม (ให้เกือบ) ทุกวัน
พยายามอย่านอนตื่นสายในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะการนอนตื่นสายกว่าเวลาปกติแค่ 2 ชั่วโมงขึ้นไปก็อาจจะทำให้ตารางการนอนของเรายุ่งเหยิงได้ ดังนั้น หากวันธรรมดาเราต้องตื่นนอนเวลา 7.00 น. ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เราก็ไม่ควรต้องนอนตื่นสายหลังเวลา 9.00 น. เป็นต้นไป
ตั้งหน้าตั้งตารออะไรดี ๆ ในตอนเช้า
ตอนเช้านับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน แต่หากการตื่นเช้าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเรา เราอาจต้องหาความตื่นเต้นหรือแรงบันดาลใจบางอย่างในการตื่นเช้าแทน อย่างเช่น การบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นมาแต่งหน้าสวย ๆ, พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นไปวิ่ง, พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นขึ้นมาทำอาหารอร่อย ๆ หรือพรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นมาเล่นกับน้องหมา เป็นต้น
มีอะไรให้ดื่มบ้าง
เมื่อเราตื่นเช้าได้เป็นปกติแล้ว เราอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งกาแฟอีกต่อไป แต่เราอาจเปลี่ยนไปดื่มอะไรที่ดีต่อสุขภาพกว่าแทน อย่างการดื่มน้ำเปล่า 2 แก้วทันทีหลังตื่นนอน และเชื่อไหมว่า…การดื่มน้ำเปล่านั้นช่วยปลุกให้เราตื่นได้มากกว่าที่เราคิดเสียอีก! อย่างไรก็ตาม ช่วงแรก ๆ ในการฝึกตื่นเช้า เราอาจจะต้องพึ่งกาแฟหรือสมูทตี้ไปก่อน เพื่อให้ร่างกายได้สดชื่นและค่อย ๆ ปรับตัวกับช่วงเช้า
เข้านอนตามเวลาที่กำหนด
แน่นอนว่าก็ต้องมีบางวันที่เรามีเรื่องให้ทำมากมายก่อนนอน แต่เพื่อเป็นการฝึกในเรื่องของการนอน เราอาจจะนอนดึกได้ แต่เราต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงด้วย ดังนั้นเราควรต้องเข้านอนตอนเที่ยงคืน ถ้าเราจะต้องตื่นตอน 8.00 น. แต่ถ้าเป็นวันหยุดเราอาจจะเข้านอนตอนตี 2 ได้ แล้วก็ไปตื่นตอน 10 โมงเช้า
เริ่มเตรียมตัวเข้านอนตามเวลาที่กำหนด
เราควรพยายามเตรียมตัวเข้านอนเมื่อเริ่มรู้สึกเหนื่อยหรือง่วง เพราะการเตรียมตัวเข้านอนแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เราทำงานหรือทำกิจกรรมในตอนกลางคืนได้โดยไม่เครียด และไม่กดดันว่าเราใช้เวลาก่อนนอนนานเกินไป
อย่างไรก็ตาม การพยายามเป็นคนที่ตื่นเช้า เพราะการใช้เวลาระหว่างวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะทำให้เรามีเวลาว่างในตอนกลางคืนมากขึ้น จนรู้สึกเพลิดเพลินกับกิจกรรมหรืองานอดิเรกต่าง ๆ ได้มาก ซึ่งแน่นอนว่ามันดีกว่าการที่เรารีบทำทุกอย่างก่อนนอน แล้วในที่สุดก็อาจทำให้เราต้องกลับมานอนดึกเหมือนเดิม