หมอนแต่ละแบบต่างกันยังไง? คู่มือเลือกหมอนให้เหมาะกับสรีระ
ไหนใครติดหมอนกันบ้าง? ไม่ว่าจะหนุนนอน นอนกอด หรือใช้ล้อมตัวตอนนอนให้รู้สึกปลอดภัย “หมอน” คือของคู่การนอนที่หลายคนอาจมองข้าม ทั้งที่จริงแล้ว หมอนมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพกระดูกคอและคุณภาพการนอน โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เราต้องใช้คอและไหล่ทำงานกับหน้าจอทั้งวัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggle
เพราะสรีระของคนเรามีความโค้งเว้าแบบ S-Curve ตั้งแต่ช่วงหลัง ลำตัว จนถึงต้นคอ หมอนที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้แนวกระดูกผิดตำแหน่ง เกิดอาการ “ตกหมอน” ปวดคอ หรือปวดบ่าหลังตื่นนอนได้ง่าย วันนี้ Lunio ได้รวบรวมข้อมูลว่า หมอนแต่ละแบบต่างกันยังไง? เป็นคู่มือเลือกหมอนให้เหมาะกับสรีระ

ก่อนซื้อหมอน ท่านอนของคุณเป็นแบบไหน?
การเลือกหมอนให้เหมาะ เริ่มจากเข้าใจท่านอนของตัวเองก่อน เพราะแต่ละท่าต้องการการรองรับที่ต่างกัน
1. ติดนอนหงาย (Back Sleeper)
-
ควรใช้หมอนที่ นุ่มแต่แน่นพอรองรับต้นคอ
-
ความสูงปานกลาง (ประมาณ 8–10 ซม.)
-
หมอนที่มีส่วนโค้งรองรับช่วงคอ (contour) จะช่วยให้แนวกระดูกอยู่ในระดับสมดุล
แนะนำ: หมอนยางพารา หรือหมอนเมมโมรี่โฟม
2. นอนตะแคง (Side Sleeper)
-
ใช้หมอนที่ แน่นและค่อนข้างสูง เพื่อให้ศีรษะและไหล่อยู่ในแนวเดียวกัน
-
หมอนเตี้ยเกินไปจะทำให้คอเอียงและเกิดแรงกดที่ไหล่
หมอนยางพารา หรือหมอนเมมโมรี่โฟมแบบปรับความสูงได้
3. นอนคว่ำ (Stomach Sleeper)
-
เหมาะกับหมอนที่ เตี้ยและนุ่มมาก เพื่อไม่ให้คอบิดหรือแอ่น
-
หรืออาจไม่ใช้หมอนเลยก็ได้หากที่นอนนุ่มเพียงพอ
แนะนำ: หมอนไมโครไฟเบอร์ หรือหมอนใยสังเคราะห์
หมอนแต่ละแบบต่างกันยังไง?

หมอนยางพารา
1. หมอนยางพารา
ลักษณะ:
ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้ดี ไม่ยุบตัวง่าย และมีรูระบายอากาศทั่วหมอน
ข้อดี:
-
รองรับสรีระต้นคอและศีรษะได้ดี ช่วยลดอาการปวดคอ
-
ระบายอากาศดี ไม่อับชื้น เหมาะกับอากาศร้อน
-
ป้องกันไรฝุ่นและเชื้อราได้ตามธรรมชาติ
-
อายุการใช้งานยาวนานกว่า 5 ปี
ข้อจำกัด:
-
ราคาสูงกว่าหมอนทั่วไป
-
มีน้ำหนักมาก
-
บางคนอาจแพ้โปรตีนในยางพาราธรรมชาติ

หมอนเมมโมรี่โฟม
2. หมอนเมมโมรี่โฟม
ลักษณะ:
ผลิตจากโฟมที่ตอบสนองตามแรงกดและอุณหภูมิร่างกาย ทำให้หมอนปรับรูปทรงตามศีรษะและต้นคอได้พอดี
ข้อดี:
-
รองรับกระดูกต้นคอและกระดูกสันหลังอย่างสมดุล
-
ลดแรงกดทับได้ดี เหมาะกับผู้มีอาการปวดคอหรือไมเกรน
-
คืนรูปเดิมได้แม้ใช้งานต่อเนื่อง
ข้อจำกัด:
-
ระบายอากาศไม่ดีนัก อาจรู้สึกร้อนในอากาศอบอุ่น
-
ราคาค่อนข้างสูง
-
อาจมีกลิ่นวัสดุใหม่ในช่วงแรก

หมอนไมโครไฟเบอร์
3. หมอนไมโครไฟเบอร์
ลักษณะ:
ใช้เส้นใยสังเคราะห์ละเอียดพิเศษ มีความนุ่มคล้ายขนเป็ดแต่ราคาย่อมเยากว่า
ข้อดี:
-
นุ่มสบาย น้ำหนักเบา
-
ทำความสะอาดง่าย ซักเครื่องได้
-
เหมาะกับผู้แพ้ง่าย เพราะไม่มีสารก่อภูมิแพ้
ข้อจำกัด:
-
ยุบตัวเร็ว ต้องเปลี่ยนบ่อยกว่ายางพารา
-
รองรับต้นคอไม่ดีนัก หากใช้นาน
-
ความยืดหยุ่นน้อยกว่าเมมโมรี่โฟม

4. หมอนขนเป็ดแท้ (Down Pillow)
ลักษณะ:
ทำจากขนเป็ดหรือขนห่านแท้ ให้สัมผัสนุ่ม ฟู และเบา
ข้อดี:
-
นุ่มนวลระดับโรงแรมหรู
-
กระจายน้ำหนักศีรษะได้ดี
-
ระบายอากาศเยี่ยม ให้ความรู้สึกโปร่งและสบาย
ข้อจำกัด:
-
รองรับสรีระไม่มาก เหมาะกับคนชอบหมอนนุ่ม
-
ต้องดูแลรักษาอย่างดี ห้ามโดนน้ำมาก
-
ราคาค่อนข้างสูง
-
อาจไม่เหมาะกับผู้แพ้ขนสัตว์

หมอนนุ่น
5. หมอนนุ่น
ลักษณะ:
ทำจากเส้นใยนุ่นธรรมชาติ มีความนุ่มและฟูตามแบบหมอนไทยดั้งเดิม
ข้อดี:
-
วัสดุธรรมชาติแท้ ระบายอากาศดี
-
น้ำหนักเบา
-
ราคาประหยัด และให้ความรู้สึกอบอุ่น
ข้อจำกัด:
-
ยุบตัวง่าย ต้องตากแดดบ่อยเพื่อคืนฟู
-
อาจสะสมไรฝุ่นถ้าไม่ได้ดูแล
-
รองรับต้นคอไม่ดีนักสำหรับคนปวดคอ

หมอนสุขภาพ
6. หมอนสุขภาพ
ลักษณะ:
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยมีส่วนเว้ารองต้นคอ และขอบหมอนยกสูงเพื่อรองรับศีรษะให้ได้องศาที่เหมาะสม
ข้อดี:
-
ช่วยจัดแนวกระดูกสันหลังให้ตรง
-
เหมาะกับผู้มีปัญหาปวดคอ บ่า ไหล่
-
มีให้เลือกหลายวัสดุ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพารา
ข้อจำกัด:
-
ราคาสูงกว่าหมอนทั่วไป
-
ต้องเลือกขนาดให้เหมาะกับรูปร่าง มิฉะนั้นอาจรู้สึกเกร็ง

Q&A ที่คนมักสงสัย
Q : หมอนยางพารากับเมมโมรี่โฟมต่างกันยังไง?
- หมอนยางพาราเด้งและระบายอากาศดีกว่า เหมาะกับคนร้อนง่าย ส่วนเมมโมรี่โฟมแน่นและแนบตัวกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการลดแรงกดเฉพาะจุด
Q : หมอนแบบไหนดีที่สุดสำหรับคนปวดคอ?
- หมอนเมมโมรี่โฟมหรือหมอนคอเว้า (Cervical Pillow) มักช่วยพยุงแนวกระดูกให้ตรงแต่ควรเลือกความสูงให้พอดีกับช่วงไหล่และท่านอนของแต่ละคน
Q : เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนหมอนเปลี่ยนหมอน?
ในแง่วัสดุใหม่ พบว่าโฟมคุณภาพสูงและยางพาราที่มีโครงสร้างดีอาจใช้งานได้นานกว่า 2 ปี — แต่ในหลายแนะนำของแหล่งรีวิวในปี 2025 ยังคงแนะนำให้เปลี่ยนทุก 1–2 ปี เพื่อรักษาประสิทธิภาพและสุขอนามัย
