หลายๆ คน คงจะคิดว่าเรื่องของ “ที่นอนเพื่อสุขภาพ” นั้น เป็นเรื่องของผู้ใหญ่วัยทำงานเพียงอย่างเดียว ซึ่งเราขอบอกเลยว่าความคิดแบบนั้นเป็นความคิดที่ผิดเป็นอย่างมาก! เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุไหน ต่างก็ต้องใส่ใจในการเลือกที่นอนเป็นพิเศษเนื่องจากที่นอน(ที่ดี)มันจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง โดยเฉพาะในวัยเด็กแรกเกิดถึงวัยเด็กโต
ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกกันว่าที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กนั้นควรเป็นอย่างไร ? และมันมีผลหรือมีความสำคัญต่อตัวเด็กในด้านใดบ้าง ? ซึ่งถ้าคุณพร้อมแล้ว เราก็ไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจที่เรานำมาฝากพร้อมๆ กันเลย
คุณสมบัติของที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กนั้นควรเป็นอย่างไร ?
ที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กนั้น จริงๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็นช่วงวัย เนื่องจากสรีระร่างกายของเด็กจะมีความแตกต่างกัน โดยเราจะขอสรุปคุณสมบัติของที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กออกมาเป็นช่วงวัยดังนี้
ที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับทารก(แรกเกิด – 1 ปี)
สำหรับที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กทารก(แรกเกิด – 1 ปี) ควรจะมีคุณสมบัติที่สามารถถ่ายเทอากาศได้อย่างสะดวก ระบายความร้อนได้ดี หรือเรียกง่ายๆ ว่า ที่นอนหายใจผ่านได้ และที่สำคัญตัวที่นอนจะต้องไม่นิ่มจนเกินไป เพราะหากเจ้าตัวเล็กเกิดคว่ำตัวขึ้นมา หน้าของลูกอาจจะจมที่นอนจนเกิดการขาดอากาศหายใจเอาได้ อีกทั้งตัวที่นอนยังต้องเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมไรฝุ่นที่อาจจะทำให้ผิวของเจ้าตัวเล็กเกิดการระคายเคือง พร้อมทั้งยังช่วยลดอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็ก รวมไปถึงตัวที่นอนยังต้องรองรับสรีระของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก (1 – 3 ปี)
เด็กๆ ในช่วงอายุ 1 – 3 ปี ถือได้ว่าเป็นช่วงที่สมองและร่างกายจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเลือกนอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กในวัยนี้จึงต้องใส่ใจและเลือกสรรเป็นพิเศษ โดยคุณสมบัติของที่นอนที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้เลยก็คือ มีขนาดที่เหมาะสมกับร่างกายของเด็ก ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ตัวที่นอนต้องสามารถถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้เกิดการอับชื้นหรือร้อน เพื่อช่วยให้เจ้าตัวเล็กได้นอนหลับสนิทมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งตัวที่นอนยังต้องรองรับสรีระของเจ้าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยลดแรงกดทับของกล้ามเนื้อในขณะที่นอนหลับ รวมไปถึงตัวที่นอนต้องสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อที่จะได้ไม่กลายเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกหรือไรฝุ่นนั่นเอง
ที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กโต (3+ ปี)
สำหรับการเลือกที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กโตในวัย 3 ปีขึ้นไป ก็จะดูไม่ซีเรียสเท่ากับเด็กๆ ในวัยแรกเกิด – 3 ปี เนื่องจากเด็กโตจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่ทางที่ดีผู้ปกครองก็ยังคงต้องเลือกที่นอนที่เหมาะสมกับน้ำหนักและร่างกายของเด็ก เพื่อที่การนอนหลับจะได้เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าจะให้เราแนะนำเตียงขนาด 3.5 ฟุต ก็คงจะเหมาะสมกับเด็กในวันนี้มากที่สุด อีกทั้งยังลืมเลือกที่นอนที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย อย่างเช่น ที่นอนยางพารา เป็นต้น
ความสำคัญในการเลือกที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับเจ้าตัวเล็ก
ผู้ปกครองหลายๆ คน มักจะมองข้ามความสำคัญของการเลือกที่นอนสำหรับเจ้าตัวเล็ก เพราะคิดแค่ว่าเอาที่นุ่มๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ตามหลักความจริงนั้นการเลือกที่นอนเพื่อสุขภาพหรือที่นอนที่ดีสำหรับเด็กจะมีผลโดยตรงต่อพัฒนาการของลูกน้อยในหลายๆ ด้านเลยทีเดียว ซึ่งจะมีด้านไหนบ้าง เราก็จะสรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้…
1.พัฒนาการทางด้านอารมณ์
ที่นอนที่ดีจะทำให้เจ้าตัวเล็กหลับได้สนิทตลอดคืน ตื่นขึ้นมาไม่งอแง มีอารมณ์ที่ดีและสดใสตลอดวัน และที่สำคัญคือไม่เป็นเด็กที่หงุดหงิดง่ายนั่นเอง
2.พัฒนาการทางด้านร่างกาย
หากผู้ปกครองได้เลือกที่นอนเพื่อสุขภาพให้เจ้าตัวเล็กแล้ว พัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกคือสิ่งที่คุณจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนมากที่สุด เพราะที่นอนที่ดีจะทำให้เจ้าตัวเล็กนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน ไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าตัวเล็กไม่รู้สึกปวดหลัง คอ หรือกระดูกส่วนต่างๆ เนื่องจากการกดทับของกล้ามเนื้อในขณะที่นอนหลับ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โรคภูมิแพ้หรือการระคายเคียงที่ผิวหนังจะไม่ย่างกรายเข้ามาวุ่นวายกับเจ้าตัวเล็กอย่างแน่นอน
พัฒนาการทางด้านสมอง
เมื่อเจ้าตัวเล็กได้นอนหลับเต็มอิ่ม เมื่อตื่นขึ้นมาสมองของเขาก็จะปลอดโปร่ง พร้อมรับประสบการณ์และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดทั้งวัน
รายละเอียดเกี่ยวกับที่นอนเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กที่เราได้กล่าวไปเมื่อข้างต้น ก็คงพอจะทำให้คุณมองภาพออกแล้วใช่ไหมล่ะว่า ที่นอนที่ดีสำหรับเด็กควรเป็นอย่างไร ? และมันมีผลหรือมีความสำคัญต่อตัวเด็กในด้านใดบ้าง ? ดังนั้นการเลือกซื้อที่นอนจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองทุกคนไม่ควรที่จะมองข้าม ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวเล็กนั่นเอง!