บ้านร้อนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาโลกร้อน บ้านอยู่ทางทิศที่โดนแดด การสะสมความร้อนจากวัสดุก่อสร้างบางชนิดที่ใช้ในการสร้างบ้าน ไม่มีช่องทางการระบายความร้อนออกจากบ้าน ซึ่งหลายคนน่าจะรู้สึกตรงกันว่าปีนี้เป็นปีที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ ร้อนจนนอนไม่ได้ถ้าไม่เปิดแอร์ แถมค่าไฟยังแพงขึ้นอีก วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูล 6 วิธีแก้บ้านร้อน ให้อยู่เย็น นอนสบาย ช่วยประหยัดค่าไฟ..
วิธีที่ 1 ทิศทางห้องเลี่ยงแสงบ่าย ช่วยลดความร้อนได้
ช่วงเวลาที่แดดแรง และค่าแสง UV สูงสุดของวันคือแดดช่วงบ่าย หรือตั้งแต่เที่ยงวัน จนถึง 16.00 น. ดังนั้น ทิศทางของบ้านโดยเฉพาะห้องที่เราต้องอยู่บ่อยๆ คือห้องรับแขกและห้องนอน ควรหลีกเลี่ยงการรับแสงแดดจากช่วงเวลานี้ และเลือกทิศทางที่รับแสงช่วงเช้าแทน เช่น ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ตัวอย่างเช่น
- ทิศเหนือ รับแสงช่วงเช้าเวลาประมาณ 6.30 น. – 9.00 น. เหมาะกับเป็นทิศสำหรับห้องนอน เพราะรับแสงอ่อนๆ ไม่สะสมความร้อนในเวลากลางคืน แต่นอกจากทิศเหนือ ทิศตะวันออกก็เป็นอีกตัวเลือกสำหรับเป็นตำแหน่งห้องนอนที่ดีเช่นกัน
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ รับแสงช่วงสาย เหมาะกับการเลือกเป็นห้องรับแขก ถึงแม้ช่วงสายของแดดบ้านเราก็เริ่มร้อนมากแล้ว แต่ไม่นานก็จะคล้อยไปตามช่วงเวลา และทิศนี้จะเป็นทิศที่ได้รับอิทธิพลของแดดช่วงบ่ายน้อย สามารถเปิดหน้าต่างเพื่อฆ่าเชื้อโรคภายในห้องได้
- ทิศใต้เป็นทิศทางที่ลมโฟลวเข้าบ้าน เหมาะกับการปลูกต้นไม้กรองอากาศ หรือติดตั้งบ่อน้ำเพื่อให้ลมที่ผ่านทางนี้ พัดเอาอากาศที่บริสุทธิ์เข้าบ้าน
วิธีที่ 2 ปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน
วิธีที่ 3 เลือกที่นอนที่มีคุณสมบัติเรื่องความเย็น
วิธีที่ 4 เปิดแอร์ควบคู่กับพัดลม
เปิดแอร์ 27 องศา พร้อมกับเปิดพัดลมตั้งพื้นควบคู่กัน ช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศในห้อง ซึ่งวิธีใช้แอร์ดังกล่าวจะช่วยประหยัดค่าไฟลงได้ 10-30% ถึงแม้การเปิดแอร์เพียงอย่างเดียวสามารถทำความเย็นได้อย่างทั่วถึงเช่นเดียวกัน แต่หากพื้นที่ในห้องกว้างเกินไป ก็ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้นทำให้เปลืองค่าไฟได้ แต่การเปิดแอร์ควบคู่กับพัดลม จะเป็นการช่วยกระจายความเย็น ช่วยลดอุณหภูมิลงได้ถึงประมาณ 2 องศาเลยทีเดียว โดยการจัดวางพัดลมควรวางในทิศทางที่คุณมักจะนั่ง หรือทำงาน ในขณะที่การวางแอร์ควรอยู่ในที่ที่สูง ซึ่งจะช่วยให้ลมเย็นสามารถไหลลง และกระจายไปทั่วห้องได้มากขึ้น
วิธีที่ 5 เลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง
การเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ อีกสิ่งที่สำคัญคือการดูที่ค่า BTU/hr (British Thermal Unit per hour) ซึ่งเป็นหน่วยสากลที่ใช้วัดขนาดความเย็นของแอร์ จำนวน BTU สูง ก็ยิ่งมีความสามารถในการผลิตความเย็นได้มาก และมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้แอร์ใช้พลังงานในการทำความเย็นมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้
สูตรคำนวณค่า BTU
ค่า BTU = พื้นที่ของห้อง (ขนาดกว้าง x ยาว) x ระดับความแตกต่าง
*ระดับความแตกต่าง คือ ระดับความร้อนช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ห้องที่ใช้ตอนกลางวัน มีระดับความต่างประมาณ 800 ห้องที่ใช้เฉพาะเวลากลางคืน มีระดับความต่างประมาณ 700
ตัวอย่าง
- แอร์ 9,000 BTU : ห้องปกติ ขนาด 12-15 ตร.ม./ห้องโดนแดด ขนาด 10-14 ตร.ม.
- แอร์ 12,000 BTU : ห้องปกติ ขนาด 16-20 ตร.ม./ห้องโดนแดด ขนาด 14-18 ตร.ม.
- แอร์ 18,000 BTU : ห้องปกติ ขนาด 24-30 ตร.ม./ห้องโดนแดด ขนาด 21-27 ตร.ม.
- แอร์ 21,000 BTU : ห้องปกติ ขนาด 28-35 ตร.ม./ห้องโดนแดด ขนาด 25-32 ตร.ม.
วิธีที่ 6 ใช้หลอดไฟแบบ LED ช่วยลดความร้อน
เคยไหมที่ยิ่งเปิดไฟในบ้านแล้วยิ่งรู้สึกร้อน เพราะหลอดไฟแบบเดิมมักจะแผ่รังสีความร้อนออกมามาก และความร้อนที่แผ่ออกมาจากหลอดไฟจนส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกอากาศที่ร้อนมากขึ้นไปด้วย แต่หลอดไฟประเภท LED มีการแผ่ความร้อนออกมาเพียงแค่ 10% เท่านั้น การเลือกใช้หลอดไฟประเภทนี้จึงช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้ดี นอกจากนี้ หลอดไฟ LED ยังเป็นหลอดไฟที่ช่วยประหยัดไฟมากที่สุด และปราศจากรังสียูวีที่ส่งผลเสียต่อสายตาหรือผิวหนัง เมื่อใช้ไปนานๆ จะมีปริมาณแสงลดลงเหลือเพียง 70% แต่ก็เป็นหลอดไฟที่มีอายุการใช้งานนั้นยาวนานโดยเฉลี่ยถึง 30,000-50,000 ชม.
วิธีที่ 7 ใช้ฟิล์มกรองแสง
เป็นที่ทราบกันดีว่าอากาศที่ร้อนขึ้นแบบนี้ แสงยูวีก็ยิ่งอันตรายต่อดวงตาและผิวหนัง ถึงแม้เราจะอยู่ในบ้านก็ใช่ว่าจะปลอดภัย การใช้ฟิล์มกรองแสงก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้ โดยอาจจะติดตั้งในส่วนที่เป็นบานประตูหรือหน้าต่างที่เป็นกระจก
- ฟิล์มเข้ม 40 คือ ฟิล์มกรองแสงที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้ 30-40 %
- ฟิล์มเข้ม 60 คือ ฟิล์มกรองแสงที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้ 15-20 %
- ฟิล์มเข้ม 80 คือ ฟิล์มกรองแสงที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้ 3-7 %
- ฟิล์มใสกันร้อน คือ ฟิล์มกรองแสงที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้ 70 %
ขอบคุณข้อมูลจาก
dreamstownstore.com
chinpower.net
www.jorakay.co.th