อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วถึงปัญหาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปี และแน่นอนว่าประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ก็ต้องได้รับผลกระทบมากจากปัญหานี้เช่นกัน โดยปกติประเทศไทยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 18 – 38 องศาเซลเซียส และช่วงที่ร้อนที่สุดของปีจะอยู่ที่ช่วงกลางเดือนเมษายนในวันที่มีประเพณีสงกรานต์ แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ในปี 2566 ประเทศไทยมีอุณหภูมิเฉลี่ยร้อนที่สุดทะลุ 40 องศาเซลเซียส เป็นความร้อนที่ทุกคนสัมผัสกันได้อย่างทั่วถึง และแน่นอนว่าอากาศที่ร้อนขนาดนี้ ส่งผลกระทบที่ตามมามากมาย ที่ไม่ใช่แค่ความร้อนที่สัมผัสได้ หรือค่าไฟที่แพงขึ้นแบบเท่าตัว แต่คือผลกระทบด้านสุขภาพ อย่างฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดนั่นเอง
อาการฮีทสโตรก(Heat Stroke) หรือโรคลมแดด คืออะไร ?
ก่อนที่จะไปดูวิธีรับมือหรือป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ซึ่งอาการนี้ก็คือการที่สภาวะร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงเกิน 40.5 องศาเซลเซียส และร่างกายไม่สามารถปรับตัวลดอุณหภูมิที่สูงขนาดนั้นให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ และแน่นอนว่าอากาศร้อน คือปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้อาการนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องอยู่ท่ามกลางสภาวะความร้อนติดต่อกันเป็นเวลานาน การออกกำลังกายอย่างหนักในสถานที่ที่มีอากาศร้อน และอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบร่วมด้วย เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาหรือรัดแน่นเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ สภาวะที่ร่างกายขนาดน้ำ จากการดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายควรได้รับก็ทำให้เกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน
ใครบ้างที่เสี่ยงต่ออาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ?
อาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่จะเกิดขึ้นได้ง่ายเป็นพิเศษในกลุ่มของเด็กหรือผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาวที่สุขภาพดีและมีระบบร่างกายที่ปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า ดังนั้น หากคุณมีคนใกล้ตัวที่เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ จึงอาจจะต้องใส่ใจและหมั่นคอยสังเกตพวกเขาเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดฮีทสโตรก
ฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด มักจะถูกแบ่งออกเป็น 3 เลเวล
- ขั้นเริ่มต้น : มีอาการรู้สึกวิงเวียนศรีษะ หน้ามืด มือเท้าเริ่มชา อาการตะคริว แต่ยังมีสติรับรู้
- อาการที่แสดงออกระดับกลาง : อาการปวดหัว รู้สึกเหนื่อยล้า อยากอาเจียนหรืออาเจียนออกมา สังเกตว่าการพูดหรือความสามารถในการตอบกลับลดลง เริ่มไม่ได้สติ
- อาการอยู่ในระดับที่เป็นหนัก : สูญเสียสติรับรู้ มีอาการเพ้อ ถามแล้วตอบกลับไม่ได้ มีอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ร่างกายร้อนแต่เหงื่อไม่ออก หายใจเร็ว ใจสั่น
การดูแลเบื้องต้นเมื่อพบผู้มีอาการฮีทสโตรก
- ปรับลดอุณหภูมิของร่างกาย ด้วยการพาผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเท และมีความเย็น
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ด้วยการให้คนป่วยนอนราบ และยกเท้าขึ้นสูงทั้งสองข้าง
- ระบายความร้อนจากร่างกายและทำให้หายใจได้สะดวก ด้วยการคลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นให้หลวม
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น ประคบตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น ซอกคอ หน้าผาก รักแร้ ขาหนีบ
- ใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงอย่างรวดเร็วที่สุด
- หากไม่หมดสติให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
วิธีป้องกันตัวเองและคนรอบข้างจาก ฮีทสโตรก (Heat Stroke)
- สังเกตสภาพอากาศในแต่ละวัน ถ้าวันนั้นเป็นวันที่มีอากาศร้อนหรืออุณหภูมิสูงมากๆ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่ท่ามกลางอากาศร้อนจัดนานๆ
- แต่หากหลีกเลี่ยงได้ยาก ให้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน โปร่ง ไม่หนาจนเกินไป เลือกเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี
- ระหว่างวันจินน้ำเปล่าให้บ่อย อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพราะน้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างหาย ช่วยสร้างความชุ่มชื่น ลดการข้นหนืดของเลือดและช่วยปรับลดอุณหภูมิของร่างกายได้ดี
- หลีกเลี่ยงการปล่อยเด็กเล็กและผู้สูงอายุไว้ตามลำพังในที่ที่มีอากาศร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือในรถส่วนบุคคลที่จอดกลางแจ้ง
- ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายกลางแจ้ง การเลือกช่วงเวลาเช้าหรือเย็น ที่แสงแดดหรืออุณหภูมิลดลงแล้ว จะทำให้เสี่ยงน้อยลงและส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่า
- พยายามพกหมวก แว่นตากันแดด หรือร่มทุกครั้งเมื่อต้องไปในสถานที่กลางแจ้ง